จังหวะ บีกิน (Beguine)
- เป็นจังหวะลีลาศประเภทเบ็ดเตล็ด มีลักษณะการเต้นรำรูปแบบเดียวกับจังหวะประเภทลาตินอเมริกัน
- นิยมเต้นรำกันมากในงานสังคมลีลาศทั่วไปของประเทศไทย จังหวะบีกินเป็นจังหวะที่ฝึกหัดง่าย
- ในการฝึกลีลาศเบื้องต้น สังคมไทยจึงนิยมที่จะฝึกจังหวะบีกินเป็นจังหวะแรก เพราะทำให้ผู้ฝึกเต้นรำเกิดความมั่นใจ ก่อนที่จะฝึกเต้นรำในจังหวะที่ยากต่อไป
- การเต้นรำจังหวะบีกินมีรูปแบบและลวดลาย (Figures) แตกต่างกันไป การเดินจังหวะบีกิน จะเน้นการวางฝ่าเท้าถึงพื้นก่อนวางราบลงเต็มเท้าในลักษณะเดียวกับจังหวะประเภทลาตินอเมริกัน
ลักษณะการเดิน เป็นการเดินแบบธรรมดา
1. เดินหน้า - จะลงน้ำหนักที่สันเท้าก่อน แล้วถ่ายน้ำหนักไปยังกลางเท้าและปลายเท้า
2. เดินถอยหลัง - ก็จะลงน้ำหนักที่ปลายเท้าแล้วถ่ายน้ำหนักไปยังกลางเท้าและสันเท้า
รูปแบบพื้นฐานการนับจังหวะบีกิน
แบบ 4/4 ( มี 4 จังหวะใน 1 ห้องเพลง)
สามจังหวะแรก เป็นเสียงหนัก จังหวะที่ 4 เป็นเสียงเบา จะนับ 1 , 2 , 3 , แตะ หรือ 1 , 2 , 3 , พัก ( จังหวะแตะ หรือ พัก หมายถึง การงอเข่า แตะปลายเท้าไว้ที่พื้นไม่วางเต็มเท้า)
ความช้า - เร็ว ของจังหวะทุกจังหวะจะเท่ากันหมด ความเร็วประมาณ 28 – 32 ห้องเพลงต่อนาที
เป็นการจับคู่แบบบอลรูมปิด จังหวะประเภทลาตินอเมริกัน
ยืนหันหน้าเข้าหาคู่เต้นรำ ผู้ชาย ยืนหันหน้าตามแนวเต้นรำ ผู้หญิง ยืนหันหน้าย้อนแนวเต้นรำ
ใช้การก้าวเท้าไปข้างหน้าและการถอยเท้าไปข้างหลัง ฝ่าเท้าถึงพื้นก่อนวางราบลงเต็มเท้า เท้าที่รับน้ำหนักตัวเข่าจะเหยียดตึง เท้าที่กำลังก้าวเข่าจะงอสลับกันไปมา สะโพกบิดอย่างเป็นธรรมชาติและสวยงามจากการถ่ายน้ำหนักลงที่เท้า ศีรษะตรง ลำตัวนิ่ง
การเดินขั้นต้น (Basic Walk) ชาย
จังหวะในการนับ มี 3 จังหวะกับอีก 1 พัก
การยืน : ยืนหันหน้าตามแนวลีลาศ หน้าตรง ตัวตรงเท้าชิด
การจับคู่ : จับแบบปิด (Close)
เริ่ม
ก้าวที่ 1 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้านับ 1
ก้าวที่ 2 ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า นับ 2
ก้าวที่ 3 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า นับ 3
เมื่อก้าวไปครบ 3 ก้าวแล้ว รอจังหวะพัก โดยการกระตุกเข่าขวาขึ้น งอเข่าส้นเท้าเปิด ปลายเท้าแตะพื้น จังหวะพักนี้บางคนนับ 4 ก็ได้
การเดินขั้นต้น (Basic Walk) หญิง
การยืน : ยืนหันหน้าเข้าหาคู่ (ย้อนแนวลีลาศ)
การจับคู่ : จับแบบปิด (Close)
เริ่ม
ก้าวที่ 1 ก้าวเท้าขวาถอยหลังนับ 1
ก้าวที่ 2 ก้าวเท้าซ้ายถอยหลัง นับ 2
ก้าวที่ 3 ก้าวเท้าขวาถอยหลัง นับ 3
เมื่อก้าวไปครบ 3 ก้าวแล้ว รอจังหวะพัก โดยการกระตุกเข่ซ้ายขึ้น งอเข่า ส้นเท้าเปิด ปลายเท้าแตะพื้น จังหวะพักบางคนนับ 4 ก็ได้
การหมุนขวา (Right Turn) ชาย
ทำต่อจากการเดินขั้นต้น โดยหมุนออกทางซ้ายแล้วก็หมุนกลับมาทางข้างขวา เรียกว่า Right Turn หรือจะทำต่อจากก้าวออกข้างก็ได้
ชายจะหมุนไปทางซ้ายก่อนเสมอ
หมุนขวาเริ่ม
1. ก้าวที่ 1 บิดปลายเท้าขวาและลำตัวออกทางข้างขวามาก ๆ แล้ววางเท้าลง (ส่วนมือให้ปล่อยมือใดมือหนึ่งออก มือที่จับกันให้ยกสูงเหนือศีรษะขณะหมุน ศีรษะจะลอดแขน นับ 1
2. ก้าวที่ 2 ยกเท้าซ้ายบิดไปทางขวาพร้อมกับลำตัวไปวางลงทางข้างซ้าย นับ 2
3. ก้าวที่ 3 ยกเท้าขวาบิดปลายเท้าและลำตัวไปวางทางข้างขวาให้ปลายเท้าและ หน้ากลับสู่ทิศทางเดิม คือย้อนแนวลีลาศแล้ววางเท้าลง นับ 3 พัก เข่าซ้ายต่อไปเริ่มหมุนซ้ายใหม่ หรือจะต่อด้วยแบบอื่น
การหมุนซ้าย (Left Turn) หญิง
ทำต่อจากการเดินขั้นต้นโดยหมุนออกทางขวาหนึ่งรอบ แล้วก็หมุนกลับมาทางซ้ายหนึ่งรอบ เรียกว่า Left and Right Turn หรือจะทำต่อจากก้าวออกข้างก็ได้
หญิงจะหมุนไปทางขวาก่อนเสมอแล้วจึงหมุนซ้าย สลับกันไป
หมุนซ้ายเริ่ม
- ก้าวที่ 1 บิดปลายเท้าซ้ายและลำตัวออกทาง ข้างซ้ายมากๆ แล้ววางเท้าลง (ส่วนมือให้ปล่อยมือใดมือหนึ่งออก มือที่จับกันให้ยกสูงเหนือศีรษะขณะหมุนศีรษะจะลอดแขน) นับ 1
- ก้าวที่ 2 ยกเท้าขวาพร้อมกับหมุนลำตัวไปทางซ้ายวางเท้าลงข้างขวา นับ 2
- ก้าวที่ 3 ยกเท้าซ้ายพร้อมกับหมุนตัวตามไปให้ใบหน้าและเท้ากลับสู่ทิศทางเดิม คือย้อนแนวลีลาศแล้ววางเท้าลง นับ 3 พักเข่าขวาจบแล้วก็ทำแบบอื่นต่อไปโดยการก้าวเท้าขวา
จังหวะชา ชา ช่า (CHA CHA CHA)
- จังหวะชา ชา ช่า ได้รับการพัฒนามาจาก จังหวะแมมโบ้ (MAMBO)
- เป็นจังหวะลาตินที่คนส่วนมากชอบที่จะเลือกเรียนรู้เป็นอันดับแรก
- ชื่อของจังหวะนี้ ตั้งขึ้นโดยการเลียนเสียงของรองเท้าขณะที่กำลังเต้นรำของสตรีชาวคิวบา
- จังหวะ ชา ชา ช่า ได้ถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอเมริกาและระบาดเข้าไปในยุโรป เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน กับจังหวะแมมโบ้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
- จังหวะแมมโบ้ได้เสื่อมความนิยมลงไป โดยหันมานิยมจังหวะ ชา ชา ช่า ซึ่งกลายเป็นความนิยมอย่างจริงจัง ในปี ค.ศ. 1956
- ดนตรีของจังหวะ ชา ชา ช่า ควรเล่นด้วยอารมณ์ความรู้สึก ปราศจากความตึงเครียดใดๆ ร่วมด้วยลักษณะการกระแทกกระทั้นของจังหวะที่ทำให้นักเต้นรำสามารถที่จะสร้างบรรยากาศที่ขี้เล่น และซุกซน
- เมื่อไม่นานมานี้ เป็นที่ตกลงกันไว้ว่า ให้ตัดทอนชื่อให้สั้นลง เป็น ชา ช่า (CHA CHA)
ลักษณะเฉพาะของ จังหวะ ชา ชา ช่า
- เอกลักษณ์เฉพาะ กระจุ๋มกระจิ๋ม เบิกบาน การแสดงความรักใคร่การเคลื่อนไหว อยู่คงที่ คู่เต้นรำเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม และ ร่วมทิศทางเดียวกัน
- ห้องดนตรี 4/4ความเร็วต่อนาที 30 บาร์
การสื่อความหมายของจังหวะ ช่า ช่า ช่า
- ความสำคัญของจังหวะนี้อยู่ที่ ขา และ เท้า โครงสร้างของการจัดท่าเต้นไม่ควรให้มีการเคลื่อนที่มากนัก และต้องมีความสมดุลที่ผู้ชมสามารถจะเข้าใจในรูปแบบและติดตามทิศทางได้ สิ่งที่ควรใส่ใจอย่างยิ่ง ควรมุ่งเน้นไปที่ “จังหวะเวลา” ของการเคลื่อนไหวในแต่ละท่าทาง
การเดินขั้นต้นนับ 10 ชาย (Basic Walk)
การยืน ยืนจับคู่แบบปิดหันหน้าตามแนวลีลาศ
เริ่ม
ก้าวที่ 1 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า นับ 1 ช้า
ก้าวที่ 2 วางเท้าขวาลงที่เดิม นับ 2 ช้า
ก้าวที่ 3 ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง นับ 3 เร็ว
ก้าวที่ 4 ถอยเท้าขวาไปข้างหลังสั้น ๆ นับ 4 เร็ว
ก้าวที่ 5 ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลังสั้น ๆ นับ 5 เร็ว
ก้าวที่ 6 ถอยเท้าขวาไปข้างหลัง นับ 6 ช้า
ก้าวที่ 7 ถอยเท้าซ้ายลงที่เดิม นับ 7 ช้า
ก้าวที่ 8 ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า นับ 8 เร็ว
ก้าวที่ 9 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าสั้น ๆ นับ 9 เร็ว
ก้าวที่ 10 ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าสั้น ๆ นับ 10 เร็ว
เมื่อทำครบ 10 ก้าวแล้วก็ทำตั้งแต่ 1 ถึง 10 ใหม่หลาย ๆ เที่ยว
การเดินขั้นต้นนับ 10 หญิง (Basic Walk)
การยืน ยืนหันหน้าเข้าหาคู่แบบปิดหันหน้าตามแนวลีลาศ
เริ่ม
ก้าวที่ 1 ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง นับ 1 ช้า
ก้าวที่ 2 วางเท้าซ้ายลงที่เดิม นับ 2 ช้า
ก้าวที่ 3 ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า นับ 3 เร็ว
ก้าวที่ 4 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าสั้นๆ นับ 4 เร็ว
ก้าวที่ 5 ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าสั้น ๆ นับ 5 เร็ว
ก้าวที่ 6 ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า นับ 6 ช้า
ก้าวที่ 7 วางเท้าขวาลงที่เดิม นับ 7 ช้า
ก้าวที่ 8 ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง นับ 8 เร็ว
ก้าวที่ 9 ถอยเท้าขวาไปข้างหลังสั้นๆ นับ 9 เร็ว
ก้าวที่ 10 ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลังสั้น ๆ นับ 10 เร็ว
เมื่อทำครบ 10 ก้าวแล้วก็ทำตั้งแต่ 1 ถึง 10 ใหม่หลาย ๆ เที่ยว
จังหวะแทงโก้ (Tango)
- เป็นจังหวะหนึ่งที่จัดอยู่ในสี่จังหวะมาตรฐาน (Four Standard Dances)
- เป็นจังหวะที่เก่าแก่พอๆ กับจังหวะวอลซ์
- มีแม่แบบเป็นจังหวะมิรองก้า (Milonga)
- ในตอนต้นศตรวรรษที่ 20 ได้มีการเต้นรำจังหวะมิรองก้า โดยเหล่าชนชั้นสูงจากบราซิล
- ชื่อของจังหวะนี้จึงเปลี่ยนจาก มิรองก้า เป็น แทงโก้
- จังหวะแทงโก้ได้ถูกแนะนำสู่ทวีปยุโรป กรุงปารีส
- แต่เนื่องจากการเต้นส่อแนวไปทางเพศสัมพันธ์มากเกินไป จึงไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ
- ต่อมาในปี ค.ศ. 1907 จึงได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบไปบ้าง ถึงได้รับการยอมรับในกรุงปารีส และลอนดอน
เอกลักษณ์เฉพาะของ จังหวะ Tango
1. มั่นคงและน่าเกรงขาม
2. โล่งอิสระ ไม่มีการสวิง และเลื่อนไหล
3. มีลักษณะการกระแทกกระทั้นเป็นช่วงๆ (Staccato Action)
4. การเคลื่อนไหวเฉียบขาด
5. อาการเปลี่ยนแปลงที่สับเปลี่ยนอย่างฉับพลันสู่ความสงบนิ่ง
6. มีย่างก้าวที่นุ่มนวลอย่างแมว
7. ห้องดนตรี 2/4 ความเร็วต่อนาที 33 บาร์
การจับคู่ในจังหวะTango
- แบบบอลรูมปิดที่แตกต่างจากการจับคู่แบบปิดในจังหวะอื่น
เป็นการจับคู่ที่ค่อนข้างกระชับและลำตัวชิดกันมาก
ผู้หญิงจะยืนเยื้องหรือเหลื่อมไปทางขวาของผู้ชายเล็กน้อย
มือขวาของผู้ชายจะโอบลึกไปกลางแผ่นหลังของผู้หญิงมากกว่าจังหวะอื่นเล็กน้อย และดึงมือซ้ายให้งอเข้ามารใกล้ตัวเล็กน้อย แต่ข้อศอกยังอยู่ในระดับเดิม
ผู้หญิงจะลดระดับข้อศอกและมือขวาลงเล็กน้อย ส่วนมือซ้ายจะวางอยู่บนต้นแขนขวาตอนบนเกือบถึงหัวไหล่ และให้เลยไปทางด้านหลังเล็กน้อย
ทั้งชายและหญิงหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
สะโพกขวาของชายสัมผัสกับสะโพกซ้ายของหญิง ให้สะโพกซ้ายของหญิงเยื้องไปข้างหลังสะโพกชายเล็กน้อย
ลำตัวทั้งคู่เปิดเป็นรูปตัววี
จังหวะดนตรีและการนับจังหวะTango
จังหวะดนตรี
- ดนตรีเป็นเป็นแบบ2/4 คือใน 1 ห้องเพลงมี 2 จังหวะ ดนตรีจะเน้นเสียงหนักทั้งจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 2
การนับจังหวะ
- ในจังหวะแทงโก้มีการก้าวทั้งช้าและเร็ว โดยที่ก้าวช้าเท่ากับ 1 จังหวะ และก้าวเร็วเก่ากับ ½ จังหวะ การนับโดยทั่วๆ ไปจึงนับ ช้า, เร็ว, เร็ว, ช้า
นางสาวณัฐมนฑ์ สัมพัฒนวรชัย ห้อง ม. 6/1 เลขที่ 17